สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา เฝ้าระวังป้องกันการติดเชื้อโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 หรือเมิร์สคอฟ โดยเน้นพิเศษในกลุ่มที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ คือ  ไข้สูง ไอ ถ่ายเหลว อาเจียน และมีประวัติเดินทางกลับจากประเทศที่พบผู้ป่วย แนะวิธีการป้องกันโดยมาตรการ  กินร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัยเมื่อ      เป็นหวัด  รวมถึงไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ

                นายแพทย์ศิริชัย ลีวรรณนภาใส นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา ได้กล่าวว่า จากกรณีที่สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจดดาห์ ได้ออกประกาศแจ้งเตือนคนไทยในภาคตะวันตกของประเทศซาอุดีอาระเบีย ในการดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 หรือเมิร์สคอฟ (Middle East Respiratory Syndrome Corona virus : MERS-CoV) เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2557 ภายหลังมีรายงานพบการแพร่ระบาดของโรคนี้ในเขต                               ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศซาอุดีอาระเบีย ตั้งแต่เดือนกันยายน 2555 และเริ่มพบผู้ป่วยในเมืองเจดดาห์ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตภาคตะวันตกของประเทศ  โดยสถานการณ์ในต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2555 – 13 มกราคม 2557 มีรายงานผู้ป่วยจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 จำนวน 179 ราย ผู้เสียชีวิต 75 ราย โดยกระทรวงสาธารณสุขประเทศมาเลเซีย รายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2012 จำนาน 1 ราย และพบในผู้เสียชีวิตจากประเทศฟิลิปปินส์ 1 ราย แม้ขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยในประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังคงมีความเสี่ยง เนื่องจากมีผู้แสวงบุญชาวไทยเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ในประเทศแถบตะวันออกกลาง และมีชาวตะวันออกกลางเดินทางเพื่อเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย

                นายแพทย์ศิริชัย ลีวรรณนภาใส กล่าวย้ำว่า ให้โรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่ง รวมทั้งโรงพยาบาลเอกชน เพิ่มระดับการเฝ้าระวังป้องกันโรคอย่างเข้มข้นในกลุ่มที่เดินทางกลับมาจากประเทศในแถบตะวันออกกลาง ทั้งผู้ที่เดินทางไปดำเนินธุรกิจ การท่องเที่ยว และประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ขอให้หลีกเลี่ยงการไปฟาร์มปศุสัตว์ ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยไข้หวัดหรือมีอาการปอดบวม หลังจากเดินทางกลับจากประเทศ หากมีอาการไข้ ไอ เกิน 2วัน ขอให้พบแพทย์ได้ที่โรงพยาบาลรัฐและเอกชนทั่วประเทศ และแจ้งประวัติการเดินทางทุกครั้ง สำหรับประชาชนโดยทั่วไป สามารถป้องกันได้โดยให้กินอาหารสุกใหม่ ใช้ช้อนกลาง และล้างมือบ่อยๆ สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อเป็นหวัด รวมถึงไม่คลุกคลีกับผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ